กำแพงขวางกั้นการแก้ปัญหา 5 อย่าง
ปัญหาในองค์กรเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้เสมอในกระบวนการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นปัญหาภายใน เช่น การสื่อสารไม่ตรงกัน กระบวนการทำงานที่ขาดประสิทธิภาพ การทำงานกับคนต่างวัย เป็นต้น หรือปัญหาภายนอก เช่น การเปลี่ยนแปลงของตลาด การเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป การเปลี่ยนแปลงนโยบายรัฐ ร่วมถึงนโยบายโลกเป็นต้น การที่บุคลากรในองค์กรจะต้องมีความรู้ ความสามารถในการแก้ปัญหาและการตัดสินใจ (Problem Solving and Decision Making) มีความสามารถในการใช้เครื่องมือต่างๆ ในการแก้ปัญหาและเครื่องมือที่ดีในการตัดสินใจ นอกจากนี้บุคลากรในองค์กรยังต้องมีการจัดการที่ดีต่อกำแพงขวางกั้น 5 อย่าง จะทำให้โอกาสการแก้ปัญหาง่ายขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้น หรือการทำให้ปัญหานั้นอาจเกิดขึ้นน้อยลงได้ ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
1. มุมมอง (Perceptual)
o คนส่วนมากมักมีมุมมองในสิ่งที่ตนเองอยากเห็นหรืออยากให้เป็นเช่นนั้น
o บางคนไม่ตระหนักรู้ว่าสิ่งนั้นคือปัญหา
o บางคนล้มเหลวในการมองเห็นต้นตอ หรือรากของปัญหา
o ลัมเหลวในการมองในมุมมองของผู้อื่น ใช้แต่มุมมองของตนเอง
o ไม่รู้ว่าอะไรคือเหตุ อะไรคือผล
o มีวิธีคิดแบบยึดติด (Fix Mind Set) คิดว่ายังไงก็แก้ไม่ได้ ยังไงก็คงเปลี่ยนแปลงให้ดีขึ้นไม่ได้
2. ความรู้ (Intellectual)
o ความรู้สูงอาจทำให้ความเชื่อมั่นที่สูงเกินไป (Self confidence) ทำให้ไม่เข้าใจหรือไม่ฟังผู้อื่น
o ความรู้ที่แตกต่างกัน นำมาซึ่งการแปลความหมาย แปลเหตุการณ์ เรื่องราวและแปลข้อมูลที่แตกต่าง(Misinterpretation)
o ความรู้ที่แตกต่างกัน ทำให้มีการแก้ปัญหาที่แตกต่างกัน และการใช้ความคิดสร้างสรรค์ที่ต่างออกไป (creative thinking)
o ความรู้ที่แตกต่างอาจนำไปสู่การใช้ข้อมูลและการแปลความหมายที่ต่างออกไป (Using inadequate information)
3. การแสดงออก (Expressive)
o การสื่อสารภาษากายที่ไม่ดีพอ (Non-Verbal language) ทำให้คนอาจเข้าใจผิด ทำให้คนชอบไม่ชอบแตกต่างกัน หรืออาจก่อให้เกิดความขัดแย้งได้ ทำให้การแก้ปัญหามีความซับซ้อนขึ้น
o ขาดความสามารถในการอธิบายความและการนำเสนอ (Inadequate explanations and Presentation Skill) การไม่สามารถอธิบายได้อย่างถูกต้อง เหมาะสมตรงประเด็น ร่วมถึงไม่ สามารถสื่อสารโน้มน้าวจูงใจได้ นำไปสู่การแก้ปัญหาที่ยุ่งยากขึ้น
o การจัดการแบบไม่ยุ่งเกี่ยว (A Passive Management Style) มีความคิดเห็นและไม่แสดงออก มีความเห็นต่างและไม่พูด ยกมือสนับสนุนแต่ใจค้าน รู้ว่ามีสิ่งผิดปกติหรือเกิดความผิด พลาดแต่เพิกเฉย
o การจัดการแบบเน้นอำนาจ (A dominant style) ใช้ความคิดเห็นตัวเองเป็นใหญ่ ไม่ฟังใคร ไม่กระจายอำนาจให้ใคร คิดว่าตัวเองเก่งและถูกต้องที่สุด อาจถึงขั้นเป็นคนเผด็จการได้ ก่อให้ เกิดปัญหาความผิดพลาดในการทำงานและความไม่พอใจซึ่งกันและกัน
4. การใช้อารมณ์ Emotional
o กลัวดูโง่ (Fear of looking Foolish) ทำให้ไม่นำเสนอความคิดเห็น ไม่กล้าริเริ่ม ไม่กล้าลงมือกระทำเพราะกลัวผิดพลาด กลัวดูโง่ในสายตาผู้อื่น
o ขาดความอดกลั้น (Impatience) ทำให้ระเบิดอารมณ์ ขาดสติในการแก้ปัญหา และการใช้อารมณ์ในการแก้ปัญหามักส่งผลเสียหรือความผิดพลาดเสมอ
5. สิ่งแวดล้อม (Environment)
o สิ่งรบกวน (Distractions) การมีสิ่งรบกวน เสียงรบกวน ทีวี เด็กวิ่งเล่นหรือแม้นแต่การเล่น smart phone ระหว่างการทำงานหรือการประชุม ล้วนเป็นสิ่งรบกวนที่ต้องจัดการเพราะเป็น อุปสรรคในการทำงานและการแก้ปัญหา
o ความไม่สบายกาย (Physical discomfort) ความแออัด ความร้อน กลิ่น ในห้องทำงาน ในโรงงาน ที่นั่ง ที่พัก ล้วนก่อให้เกิดความไม่สะดวกในการทำงานและสมาธิในการแก้ปัญหา
o การขาดการสนับสนุนซึ่งกัน (Lack of support) การขาดการช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ทำให้การแก้ปัญหาลำบากและยุ่งยากมากขึ้น
หากองค์กรหรือบุคลากรมีการจัดการที่ดีต่อกำแพงขวางกั้น 5 อย่างนี้ จะทำให้ปัญหาน้อยลงหรือเล็กลงได้
นอกจากนั้นยังทำให้การแก้ปัญหาง่ายขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้นได้
รศ.ดร. ชัยณรงค์ วงศ์ธีรทรัพย์
The Best Training, Director
สนใจหลักสูตรฝึกอบรมสัมมนาหรือจัดกิจกรรม
สถาบันฝึกอบรมสัมมนา The Best Training (ศูนย์ฝึกอบรมความเป็นเลิศทางกลยุทธ์ธุรกิจ)
77/291 ซอยพหลโยธิน 54/1แยก4-45 (หมู่บ้านชลลดา) แขวงสายไหม เขตสายไหม กรุงเทพฯ 10220
ติดต่อศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์
02-043-5605, 081-3582683, 081-6285569, 081-8082683
thebesttraining5.0@gmail.com
